ธรรมชาติช่วยชีวิต
ชื่อหนังสือ ธรรมชาติบำบัด ศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อความสมดุลของชีวิต
ผู้บรรยาย เจค็อบ วาทักกันเชรี
ผู้เรียบเรียง ศรีสุดา ชมพันธ์ อธิษฐาน์ คงทรัพย์ เพียงพร ลาภคล้อยมา
สถานที่จัดพิมพ์ กรุงเทพฯ : บริษัทแปลน
พริ้นติ้ง จำกัด
ปีที่พิมพ์ 2551
(พิมพ์ครั้งที่ 6)
จำนวนหน้า 189 หน้า
รีวิวโดย นุตประวีณ์ จำปาศรี
รายละเอียด
หนังสือธรรมชาติบำบัด ศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อความสมดุลของชีวิต เป็นหนังสือแนวคิดหลักธรรมชาติบำบัดของมนุษย์ในชีวิตประจำวัน เชื่อว่ามนุษย์ควรดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับแนวทางธรรมชาติ เป้าหมายที่แท้จริงของธรรมชาติบำบัดจึงไม่ใช่เพียงการรักษาโรค แต่คือการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายและเป็นสุข ด้วยวิธีการที่สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับกับการดูแลตนเองเบื้องต้น การรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยธรรมชาติบำบัด อาหารตามหลักธรรมชาติบำบัด การล้างสารพิษ และข้อมูลอื่นๆที่ได้จัดไว้ให้ศึกษา
เนื้อหาแรกได้กล่าวถึงข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับความหมายของธรรมชาติบำบัด โดยใช้วิธีเขียนเป็นการให้ความหมายที่หลากหลายของคำว่าธรรมชาติบำบัด เช่น ธรรมชาติบำบัดคืออะไร ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพลังธรรมชาติ กระบวนการรักษาตามวิธีธรรมชาติบำบัดเพื่อกายและจิตใจด้วยวิธีการต่างๆ การรักษาตัวเองเพื่ออะไร เป็นต้น ซึ่งผู้เขียนได้ตั้งคำถามและตอบตามข้อต่างๆ
ต่อมา คือ ปัจจัยที่ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม ได้แก่ เรื่องสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ วัฒนธรรมสมัยใหม่ การใช้ชีวิตเร่งรีบอยู่ในเมืองที่มีมลพิษ จิตเป็นลบ(เครียด/ริษยา) ยาแผนปัจจุบันที่มักมีผลข้างเคียงเมื่อใช้เป็นประจำ สารเคมีและยาฆ่าแมลงในอาหาร และอาหารขยะ เรื่องหลักๆเลยผู้เขียนได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เพราะอาหารให้ชีวิต ให้สุขภาพที่ดี แต่อาหารก็ทำให้เกิดโรคได้ หากมีการบริโภคอย่างไม่เหมาะสมเมื่อรับกินเข้าไปแล้วก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เกิดกระบวนการอาหารเป็นพิษและก่อให้เกิดโรคตามมามากมาย เช่น กินอาหารที่มีแคลอรีและไขมันสูงเกินไป นอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในหลอดเลือด ไปจนกระทั่งถึงโรคมะเร็ง ซึ่งยังมีเรื่องอาหารกับสุขภาพจิต อาหารและเครื่องดื่มที่ควรงดเว้น ซึ่งผู้เขียนได้ให้รายละเอียดข้อมูลไว้
ข้อมูลต่อมาพูดถึงในหลักธรรมชาติบำบัด “มนุษย์คือสัตว์กินพืชและผลไม้” มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการงดเนื้อสัตว์แล้วขาดสารอาหารจริงหรือไม่
งดเนื้อสัตว์แล้วสุขภพไม่แข็งแรงหรือไม่
ผู้เขียนได้อธิบายคำตอบและให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ จึงแนะนำให้มนุษย์หลีกเลี่ยงจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์
นม ไข่ ซึ่งเป็นอาหารที่ใช้เวลาย่อยนานกว่าผักและผลไม้ เพราะในปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ในรูปแบบอุตสาหกรรมซึ่งใช้ทั้งฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งผลผลิตให้ได้ปริมาณมาก
ทำให้ผลผลิตที่ได้มีการปนเปื้อนสารเคมี ขณะเดียวกันก็ต้องเบียดเบียนชีวิตสัตว์ต่างๆและในความเป็นจริงแล้วเราสามารถได้รับสารอาหารครบทั้งห้าหมู่จากผัก
ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ
แนะนำอาหารตามหลักธรรมชาติบำบัด
คือ “อาหารสด” ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง
ไม่ผ่านความร้อน หรือปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เน้นไปที่ผักและผลไม้สดเก็บใหม่ ๆ
ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารและพลังชีวิตจากผักและผลไม้ได้อย่างเต็มที่
เวลาดีที่สุดสำหรับการรับประทานผักและผลไม้สด คือ
เวลาเช้าตรู่ภายหลังจากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
ผักและผลไม้สดจะช่วยเพิ่มความสดชื่น และไล่กากของเสียออกจากลำไส้
การกินผักและผลไม้สดในขณะท้องว่างจึงได้ประโยชน์สูงสุด
ธรรมชาติบำบัดกับชีวิตประจำวัน เนื้อหาในส่วนนี้ได้รวบรวมการออกกำลังกายด้วย “โยคะ” ซึ่งหลักสำคัญของโยคะ คือ
การฝึกจิตและร่างกายด้วยการกำหนดลมหายใจไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวร่างกาย ช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต จิตใจสงบผ่อนคลาย และมีสมาธิ
โยคะสามารถแก้ไขสภาพร่างกาย จิตใจและบุคลิกให้ดีขึ้น รวมไปถึงการพักผ่อน ควรนอนหลับก่อน
4 ทุ่ม เพราะ Growth Hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมาในช่วงเวลาหลับ
ตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืนเพื่อซ่อมแซมส่วนสึกหรอของร่างกาย
และตื่นนอนแต่เช้า การนอนหลับที่มีคุณภาพเพียง 6 -8 ชั่วโมงก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ดีกว่าการนอนดึกตื่นสาย
เนื้อหาในส่วนสุดท้ายเป็นการแนะนำ
การใช้ธรรมชาติบำบัดจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้โรคและพิษร้ายต่าง
ๆ ในร่างกาย เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ กินอาหารไขมันสูง กินอาหารขยะ
ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ จิตใจที่ขุ่นมั่ว เป็นต้น
ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นผลร้ายต่อร่างกายเหล่านี้ คือ
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราไม่ต้องพึ่งพาการรักษาโรคจากการแพทย์แขนงใดใดอีกเลย
แม้หลักธรรมชาติบำบัดจะมีข้อดีอยู่หลายประการ
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญ คือ
1) ยังไม่มีเครื่องมือที่จะตรวจสอบผลการรักษาที่ชัดเจน
ผู้ป่วยต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนและหลังปฏิบัติด้วยตนเอง
2) การรักษาตามแนวทางธรรมชาติบำบัดยังไม่ครอบคลุมความเจ็บป่วยฉุกเฉินรุนแรงได้
3) ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิต
ต้องอาศัยจิตใจที่เข้มแข็ง หลายคนจึงท้อไปก่อนจะเห็นผล
ผู้ที่จะทดลองใช้วิธีการแบบธรรมชาติบำบัดจึงควรปรึกษาผู้ที่เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำในการปฏิบัติที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ธรรมชาติบำบัดนั้น
เป็นหนทางหนึ่งในการดูแลสุขภาวะโดยรวม
ซึ่งปัญหาสุขภาวะในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่เรื่องเฉพาะบุคคลอีกต่อไป
แต่เป็นปัญหาของคนในสังคมโดยรวม
การแก้ไขจึงไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองเท่านั้น
แต่จะต้องนำไปสู่การรวมตัวกันขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาโดยรวม
ทั้งการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ยกเลิกสารเคมี ยาฆ่าแมลง ยาปฏิชีวนะ การลดมลพิษในอากาศ
รวมทั้งส่งเสริมให้สังคมหันมาใส่ใจสุขภาพภายใต้วิถีแห่งธรรมชาติ
เน้นการป้องกันมากกว่าแก้ไขที่ปลายเหตุ
เราจึงจะก้าวเข้าสู่สังคมสุขภาวะอย่างแท้จริง
ภาพรวมหนังสือ
เป็นหนังสือที่ค่อนข้างมีประโยชน์และให้สาระความรู้แก่ผู้ที่รักษาตนเองโดยใช้วิธีธรรมชาติบำบัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลตนเอง เรื่องอาหารการกินเรื่องการออกกำลังกายหรือการกิจกรรมบำบัดโดยใช้ศิลปะและกิจกรรมในเวลาว่างเพื่อเสริมทักษะและเป็นการผ่อนคลายสร้างความสุขให้แก่ตนเอง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมข้อมูลไว้อย่างละเอียด ผู้อ่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในหนังสือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น