3 มหัศจรรย์....บำบัดโรค



มหัศจรรย์….บำบัดโรค

                        ธรรมชาติบำบัดเป็นเรื่องที่ทุกคนเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง คือการพึ่งตนเอง เราต้องคิดเองเรียนรู้หรือค้นคว้าความรู้และลองปฏิบัติดูไปสักระยะ เราจะพบว่าธรรมชาติบำบัดเปลี่ยนชีวิตเราได้ อย่ารอให้มันวิ่งเข้ามาหาเรา จนสุดท้ายแล้วตัวเราเองกลับเป็นผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับมัน เปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ เพื่อความสุขและสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง
ภาพจาก https://www.thairath.co.th/content/1070755

                          กว่า 5,000 ปีมาแล้ว ที่ศาสตร์ซึ่งเรียกว่า Yoga หรือโยคะ ถือกำเนิดขึ้นในโลก กว่า 5,000 ปีมาแล้ว ที่ศาสตร์ซึ่งเรียกว่า Yoga หรือโยคะ ถือกำเนิดขึ้นในโลก โดยเริ่มต้น ณ เมืองฤาษีเกษ ประเทศอินเดีย บางคนคิดว่า โยคะ คือการออกกำลังกาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศาสตร์อันเป็นความรู้ที่มหัศจรรย์นี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการออกกำลังกาย แต่เป็นการฝึกที่รวมกาย จิต ให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นกระบวนการสำหรับฝึกกาย ฝึกการหายใจ และฝึกจิต ที่ทำให้เกิดพลังอย่างเต็มที่ เราได้ให้ภาพรวมของโยคะบำบัด ทั้งหลักการ คำอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ และของกระบวนต่างๆ ในโยคะบำบัด เป็นการบำบัดเฉพาะเจาะจงของโยคะที่ปฏิบัติได้จริงและเกิดผล เกิดประโยชน์จริง โยคะเป็นศาสตร์ที่ช่วยบำบัดรักษาอวัยวะภายในร่างกายของเรา หัวใจของโยคะคือ ปราณหรือการสร้างลมปราณ ร่างกายจะได้รับออกซิเจนได้มากขึ้น
                         
                        ควรเล่นโยคะทุกเช้า การฝึกจิตใจให้จดจ่อที่ลมปราณ ช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลมหายใจกับจิตอยู่กับสิ่งที่ทำในปัจจุบันขณะ โยคะช่วยแก้ไขสภาพทั้งร่างกาย จิตใจ และบุคลิกให้ดีขึ้นช่วยให้เกิดความงามจากภายใน
                        ธรรมชาติบำบัดและโยคะใช้หลักอหิงสาคือ การไม่ใช้ความรุนแรงเป็นกฎของโยคีหรือคนที่มุ่งสู่จิตวิญญาณ โยคะเป็นการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนต่อตนเอง ทำเท่าที่เราทำได้ อย่าฝืนจนร่างกายต้องเจ็บปวด เพราะนั่นถือเป็นการกระทำรุนแรงต่อร่างกาย

ภาพจาก  https://www.thairath.co.th/content/1070755


                         
                         หลักการสำคัญของการฝึกโยคะ คือ การฝึกจิตและร่างกายด้วยการกำหนด รู้ที่ลมหายใจ ประสานกับการเคลื่อนไหวของกาย ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้รู้สึกสงบสบายและผ่อนคลาย ควรเล่นโยคะทุกเช้า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน อย่างน้อยวันละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง
                         
                         พออายุเราเริ่มมากขึ้น การออกกำลังกายก็เริ่มจะสร้างความลำบากให้กับผู้ที่รักสุขภาพไม่น้อย บางครั้งร่างกายของเราก็อาจจะไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายที่ต้องใช้พละกำลังสูงๆ เหมือนตอนสาวๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะออกกำลังกายไม่ได้เลย ยังมีการออกกำลังกายในอีกหนึ่งรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม คือ  โยคะ
                         ช่วงแรกๆ ก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าการขยับตัวไปอย่างช้าๆ ในแบบของ ท่าโยคะ (Yoga) จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ในการรักษาสุขภาพ ซึ่งโยคะเองนั้นเป็นวิธีการช่วยเสริมสร้างสมาธิ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการออกกำลังกายที่ไม่ว่าคนรุ่นไหนก็ทำได้ ได้รับประสิทธิภาพที่ดี จนท่าโยคะนั้นถูกจับเข้าไปอยู่ในหมวดของกายบริหารตามฟิตเนสต่างๆ มากมาย นับได้ว่า โยคะ เป็นศาสตร์ที่ใช้การเชื่อมประสานกันระหว่างร่างกายและจิตใจ มักจะเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการจับลมหายใจและเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่าทางต่างๆ เมื่อร่างกายขยับ จิตใจจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจเป็นสำคัญ
สำหรับใครที่เริ่มอยากจะเล่นโยคะแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี จึงอยากเสนอท่าโยคะพื้นฐาน  หลัก 2 ท่า สามารถเล่นที่ฟิตเนส หรือเล่นที่บ้านก็สะดวกทั้งนั้น เราต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ก่อนที่จะเล่น
ภาพจาก  https://www.sanook.com/women/53577/


1. ท่าต้นไม้ (Tree Pose)
                 ยืนให้แขนชิดกัน ทิ้งน้ำหนักไปที่ขาซ้าย จากนั้นวางเท้าขวาไว้ที่ต้นขาด้านใน หันสะโพกออกไปด้านหน้า เมื่อร่างกายเกิดความสมดุลแล้วให้ประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน สูดอากาศเข้า แล้วยืดแขนขึ้นเหนือไหล่ จากนั้นแยกฝ่ามือออกและหันหน้าเข้าทีละข้าง ค้างไว้ประมาณ 30 นาที จึงลดมือลงแล้วทำซ้ำอีกหนึ่งข้าง

2.  ท่างู (Cobra)
                 เริ่มต้นด้วยการนอนให้ใบหน้าราบลงไปกับพื้น บางฝ่ามือลงไปให้มีระยะห่างเท่ากับไหล่ทั้งสองข้าง จากนั้นเชิดหน้าและยกอกขึ้น ดันขาทั้งสองข้างขึ้นด้วยหน้าเท้า กดสะโพกลงและดันหัวไหล่ลง จากนั้นปล่อยและทำซ้ำอีกครั้ง
         ภาพจาก  https://www.sanook.com/women/53577/

                           การออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ นับว่าเป็นการยืดเส้นยืดสาย หรือบริหารส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ต้องอาศัยลมหายใจและสมาธิเข้ามามีส่วนประกอบเพื่อให้เกิดความสมดุลมากที่สุด ถ้าหากเราไม่เตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มเล่นก็อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ถึงแม้ว่าจะเล็กแต่ก็ไม่ควรมองข้าม ถ้าอยากจะออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ จะต้องเตรียมตัวก่อนเล่นโยคะ ดังนี้
         
  อาบน้ำก่อนฝึก เพื่อให้ร่างกายสะอาด สดชื่น
  ช่วงเช้า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ มากที่สุด หรือถ้าหากช่วงเช้าไม่ค่อยสะดวก ก็อาจเป็นช่วงบ่าย ค่อนไปจนถึงช่วงเย็นเลยก็ได้
  สถานที่ฝึก ควรมีความเงียบสงบ สะอาด อากาศถ่ายเท ไม่ร้อนอบอ้าว
  ปูเสื่อหรือรองพื้น การฝึกกับพื้นโดยตรงอาจทำให้กระดูกสันหลังได้รับบาดเจ็บได้ ให้งดเล่นบนพื้นที่ไม่เรียบ
 การออกกำลังกายควรสวมใส่เสื้อผ้าสบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป เน้นให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่างๆ ได้อย่างสะดวก
  ฝึกหลังรับประทานอาหารหนักอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ไม่ฝึกกลางแจ้งหรือลมแรง เพราะจะทำให้น้ำมันที่ร่างกายหลั่งออกมาระเหยไป
  เริ่มฝึกจากท่าง่ายๆ เพื่อร่างกายยืดหยุ่นมากขึ้น และทำให้การฝึกท่ายากจะง่ายขึ้น

                           จะเห็นได้ว่า การออกกำลังกายด้วยท่าโยคะ เมื่อเราเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ กล้ามเนื้อจะหดเกร็งเช่นเดียวกับการออกกำลังกายตามปกติ ช่วยเสริมให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง กระตุ้นการสร้างเซลล์กล้ามเนื้อใหม่ๆ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับสาวๆ ที่ต้องการออกกำลังแต่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย ส่วนใหญ่ ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถออกกำลังหนักๆ ได้ หรือคนที่มีปัญหากระดูก หรือข้อต่อ รวมไปถึงคนที่มีโรคเรื้อรังต่างก็หันมาใช้การออกกำลังกายด้วยท่าโยคะเป็นทางเลือกที่ได้ผลอย่างดีเยี่ยมไม่แพ้ไปกว่าการออกกำลังกายรูปแบบอื่นๆ 



แหล่งที่มาบรรณานุกรม


หนังสือธรรมชาติบำบัด ศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อสมดุลของชีวิต 
(ผู้แต่ง หมอเจค็อบ วาทักกันเชรี) พิมพ์ครั้งที่ ๖ ฉบับปรับปรุงใหม่
               เฉลียว ปิยะชน. อายุรเวท : วิถีสู่สุขวิถีสู่สุขภาพตามธรรมชาติ. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสานแสงอรุณ, เม็ดทราย, ๒๕๓๙.
               ประเวศ วะสี และคนอื่นๆ.  องค์รวมแห่งสุขภาพ : ทัศนะใหม่เพื่อดุลยภาพแห่งชีวิตและบำบัดรักษา. กรุงเทพฯ : มูลนิธิโกมลคีมทอง, ๒๕๓๖. 
               สาทิส อินทรกำแหง. ชีวจิต : ชีวิตที่เข้าใจธรรมชาติ. พิมพ์ครั้งที่ ๓๐. กรุงเทพฯ : คลินิกบ้านและสวน, ๒๕๔๑. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น